ผ้าม่านลายหลุยส์ สัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย ดูเลิศหรู มีระดับ
ผ้าม่านลายหลุยส์ คืออะไร ดีอย่างไร? ผ้าม่านลายหลุยส์ “Damask” คือผ้าที่ถักทอด้วยลายรูปทรง “Diamond” หรือลายข้าวหลามตัด บางลายจะมีรูปทรงคล้ายกับรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ลวดลายจะไม่ใช่เป็นเส้นตรง แต่จะประกอบด้วยสัญลักษณ์และรูปภาพต่างๆ รูปสัญลักษณ์ต่างๆนี้จะนำมาประกอบกันเพื่อสร้างรูปทรงดังกล่าว ซึ่งมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ ผ้าม่านลายหลุยส์ทำให้หน้าตาบ้านมีความโดดเด่น ออกแนวคลาสสิก ดูมีสง่าราศี
ผ้าม่านลายหลุยส์เป็นสไตล์ที่เหมาะกับการตกแต่งสไตล์ Classic Victoria
ลายหลุยส์สามารถใช้สัญลักษณ์ได้หลายประเภท: ลายหลุยส์จะมีคุณสมบัติ “Ambigram” หมายถึง ไม่ว่าเราจะมองที่ผ้าม่านจากทางกระจกหรือจากตาเปล่า ลวดลายบนผ้าจะดูเหมือนกัน ดีไซน์บนผ้าม่านลายหลุยส์จะมีหลายสไตล์ หลายขนาด และจะใช้สัญลักษณ์และรูปภาพหลายประเภท อย่างเช่น ลายดอกไม้ ลายกนก ลายสัตว์ ลายผลไม้ ลายใบไม้ ลายบัว เป็นต้น เส้นต่างๆที่ใช้ในการวาดลวดลายผ้าจะมีความโค้งงอที่สวยงาม เป็นดีไซน์ที่มีเสน่ห์แห่งความ “Luxury” ดูเลิศหรูทีเดียว
ตัวอย่างลายหลุยส์ จะสังเกตได้ว่าลายหลุยส์มีหลากหลายสไตล์ หลากหลายขนาด
การเลือกผ้าม่านลายหลุยส์ให้เข้ากับห้อง: ผ้าม่านลายหลุยส์จะมีขนาดเล็ก (ลายถี่) และขนาดใหญ่ (ลายห่าง) ลายขนาดเล็กจะเหมาะกับหน้าต่างหรือประตูบานเล็ก ไม่ว่าจะใช้ผ้าม่านลายไหน ถ้าห้องมีขนาดไม่ใหญ่มาก ควรเลือกผ้าม่านลายเล็กๆ เพื่อช่วยลวงตาให้ห้องดูกว้าง ปลอดโปร่ง ผ้าม่านลายใหญ่ๆจะเหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ เพื่อให้ลวดลายผ้ามีสัดส่วนสมดุลและเหมาะสม ลายหลุยส์ที่มีรูปภาพดอกไม้หรือใบไม้จะเหมาะกับการตกแต่งแนววินเทจ ลายหลุยส์ที่ใช้วงกลมจะเหมาะกับห้องที่มีรูปทรงกลม เป็นต้น
ผ้าม่านกันแสง UV ลายหลุยส์ แบบสีโมโนโทน พื้นสีน้ำตาล ทอลายในตัว เป็นเทกเจอร์ 3 มิติ
ผ้าม่านลายหลุยส์แนววินเทจ: ผ้าม่านลายหลุยส์ในสมัยแรกๆ จะนิยมใช้ลายดอกไม้ในการวาดลายหลุยส์เพราะลายดอกไม้จะช่วยสร้างบรรยากาศสดใส ทำให้รู้สึกสดชื่น มีความสุขสบายเวลาอยู่บ้าน ลายดอกไม้ โดยเฉพาะลายดอกกุหลาบ ช่วยทำให้บ้านมีความรู้สึกร่มเย็น ลายดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความสดใสของธรรมชาติ ในยุคหลังๆ ลวดลายหลุยส์มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ในสมัยนี้ ลายหลุยส์จะใช้กับรูปภาพหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น รูปกะโหลก รูปแมว รูปสัตว์น้ำ รูปดวงดาว และรูปภาพอื่นๆ อีกมากมาย
ผ้าม่านลายหลุยส์แนววินเทจ Floral Pattern ลายดอกไม้สวยๆ
การเลือกสีผ้าม่านลายหลุยส์: ส่วนใหญ่ ผ้าม่านลายหลุยส์จะมีสีทูโทน สีลวดลายจะเป็นสีหนึ่ง ส่วนสีพื้นจะเป็นอีกสีหนึ่ง การเลือกสีควรเลือกให้สอดคล้องกับสีเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับในห้อง อย่างเช่น ถ้าใช้เฟอร์นิเจอร์ลายไม้ ผ้าม่านลายหลุยส์สีน้ำตาลหรือสีเอิร์ธโทนจะดูเหมาะสม ถ้าใช้เฟอร์นิเจอร์สีขาวหรือสีครีม เราสามารถเลือกติดผ้าม่านสีอะไรก็ได้ ถ้าเลือกผ้าม่านและผนังห้องเป็นสีเดียวกัน สีผ้าม่านควรมีเฉดเข้มกว่าสีผนังห้อง
ผ้าม่านลายหลุยส์จะมีทั้งผ้าทึบแสงและผ้าโปร่งแสง มีทั้งแบบทอลาย พิมพ์ลาย และลายปัก
เลือกสีผ้าม่านให้ห้องดูมีชีวิตชีวา: ในการเลือกสีผ้าม่าน ควรเลือกให้สีสันภายในห้องมีความสมดุล ไม่ฉูดฉาด และไม่จืดเกินไป ถ้าใช้ผ้าม่านสีเดียวกันกับผนังห้อง อาจทำให้ห้องดูขาดสีสันได้ สีสันเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศดีๆภายในห้อง ทำให้ห้องดูสดใส “Lively” มีความร่าเริงแจ่มใส นักออกแบบ (หรือ มัณฑนากร) จะมีกฎที่ใช้เป็นประจำสำหรับการปรับสมดุลสีสันภายในห้อง กฎนั้นก็คือ 60-30-10 นั่นเอง อ่านเกี่ยวกับกฎสีนี้ได้ตามลิงค์
ผ้าม่านลายหลุย์มีรูปทรงสวยงาม เหมาะใช้กับผ้าม่านทุกรูปแบบ
ผ้าลายหลุยส์ เหมาะกับผ้าม่านหลายสไตล์: โดยทั่วไป ผ้าลายหลุยส์มักจะนิยมใช้กับผ้าม่านตาไก่ ผ้าม่านจีบ ผ้าม่านลอน ผ้าม่านพับ และผ้าม่านหลุยส์ และจะมีหลายคนที่เลือกเย็บผ้าม่านคอกระเช้าด้วยผ้าลายหลุยส์ด้วยเช่นกัน (ผ้าม่านคอกระเช้าเป็นสไตล์ชิวล์ๆ เน้น “Informal” เป็นกันเอง เหมาะกับห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน ส่วนลายหลุยส์เป็นสไตล์ภูมิฐาน “Elegant” ดูหรูหรา สองสไตล์นี้จึงไม่ค่อยแมทช์กันมากนัก) การตัดเย็บผ้าม่านจะต้องจัดวางลายผ้าให้เข้ากับดีไซน์หลุยส์ เพื่อให้ลอนผ้าม่านสอดคล้องกับลายผ้าอย่างลงตัวที่สุด
พรมปูพื้นจะนิยมใช้เป็นลายหลุยส์เช่นกัน เพราะเป็นลวดลายที่สวยงาม ดูไฮคลาส
จัดลายหลุยส์ตามลอนผ้าม่าน: ในการตกแต่งสไตล์โมเดิร์น ผ้าม่านตาไก่จะเป็นรูปแบบผ้าม่านที่นิยมใช้มากที่สุด และลายหลุยส์ก็จะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆด้วยเช่นกัน ร่วมกับผ้าม่านสีพื้นและผ้าม่านลายริ้ว การตัดเย็บผ้าม่านตาไก่ด้วยผ้าลายหลุยส์จะเน้นการจัดลอนเป็นพิเศษ เพราะลายหลุยส์จะต้องลงล็อกกับคลื่นลอน (คลื่นลอนจะประกอบด้วยสันลอนและท้องลอน) เพื่อให้ลายผ้าม่านมีความสมดุล ดูมีระเบียบ
การเลือกติดผ้าม่านลายหลุยส์จะทำให้หน้าตาบ้านดูคลาสสิก มีสง่าราศี
เลือกผ้าม่านหน้ากว้างพิเศษ: การเลือกใช้ผ้าหน้ากว้างพิเศษ (กว้าง 2.40 เมตร ขึ้นไป) จะทำให้สามารถตัดเย็บผ้าม่านแบบไร้รอยต่อได้ อ่านข้อดีต่างๆเกี่ยวกับผ้าม่านไร้รอยต่อได้ตามลิงค์ ผ้าม่านลายหลุยส์จะดูดีที่สุดเวลาลวดลายมีความต่อเนื่องตลอดผืน ไม่ขาดช่วง ถ้าเลือกผ้าหน้าแคบ การตัดต่อผ้าจะทำให้ลวดลายขาดตอน ลายหลุยส์จะดูไม่ค่อยสวยมากนัก เพราะฉะนั้นถ้าจะใช้ผ้าหน้าแคบจริงๆ (สมมุติว่าลายผ้าที่ชอบจะมีแต่แบบหน้าแคบ) ต้องระบุให้ช่างเย็บผ้าม่านตัดต่อชิ้นผ้าตามดีไซน์ และให้ลวดลายต่อเนื่องกันมากที่สุด การจัดวางลายผ้าตามดีไซน์จะใช้ผ้ามากกว่าปกติ แต่สำหรับผ้าม่านลายหลุยส์ การจัดลายผ้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะต้องให้ลายผ้าสอดคล้องกับลอนผ้าม่าน เพื่อให้ได้ความสวยงามที่ลงตัว
สัญลักษณ์ต่างๆที่เป็นองค์ประกอบยอดนิยมในการวาดลายหลุยส์
ประวัติการใช้ผ้าม่านลายหลุยส์: การใช้ผ้าลายหลุยส์ในการตัดเย็บผ้าม่านเริ่มต้นมานานกว่า 1000 ปีที่แล้ว คนประเทศจีนเป็นผู้ริเริ่มนิยมใช้ลวดลายหลุยส์ในการถักทอผ้า สมัยก่อน การทอผ้าจะทำด้วยมือ และลายหลุยส์จะเป็นลายที่ทอยากกว่าลายผ้าอื่นๆ ลายหลุยส์จะมีความละเอียดอ่อนที่ทำให้ต้นทุนในการผลิตสูง เพราะเหตุผลนี้ จะมีเฉพาะคนรวยเท่านั้นที่สามารถสั่งซื้อผ้าลายนี้ได้ ลายหลุยส์จึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย
ลายหลุยส์จะสามารถใช้ในงานตกแต่งหลายประเภท ผ้าคลุมเตียงก็เป็นอีกผลิตภันฑ์ที่นิยมใช้เป็นลายหลุยส์
ลายหลุยส์ สัญลักษณ์ของคำว่า “Luxury”: ในสมัยก่อน กลุ่ม Upper Class หรือชนชั้นสูงในสังคมมักจะเลือกใช้ลายหลุยส์สำหรับงานตกแต่งทุกประเภท โดยเฉพาะกับผลิตภันฑ์สิ่งทอ ผ้าม่านจะเลือกเป็นลายหลุยส์ ผ้าโซฟาก็จะเลือกเป็นลายหลุยส์ แม้กระทั้งพรมปูพื้นก็จะใช้เป็นลายหลุยส์ด้วยเช่นกัน ถึงทุกวันนี้ ลายหลุยส์ยังคงเป็นลวดลายที่นิยมใช้กันอย่างมาก การผลิตผ้าสมัยนี้จะราคาถูกเพราะใช้เครื่องจักรโรงงาน ไม่ใช่เป็นงานฝีมือเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ต้นทุนในการทอผ้าลายหลุยส์ไม่สูงกว่าต้นทุนในการทอผ้าลายอื่นๆ เดี๋ยวนี้ ผ้าลายหลุยส์เป็นดีไซน์ที่ใช้กับประชากรโลกทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น
ตัวอย่างเก้าอี้ที่ใช้ลายหลุยส์ เป็นเก้าอี้ที่ดูคลาสสิก มีเสน่ห์แห่ง “Luxury” ดูหรูมาก
ลายหลุยส์ ใช้กับวัสดุหลายประเภท: ลายหลุยส์เป็นดีไซน์ที่สามารถใช้กับผลิตภันฑ์หลายอย่าง นอกจากผลิตภันฑ์สิ่งทอแล้ว ลายหลุยส์ยังนิยมใช้กับวัสดุอื่นๆอีกมากมาย อย่างเช่น วอลเปเปอร์ แก้ว จาน กล่อง โคมไฟ โต๊ะ และเครื่องประดับต่างๆ ที่เป็นงานศิลปะ สำหรับผลิตภันฑ์สิ่งทอ ลายหลุยส์จะนิยมใช้กับผ้าม่าน ผ้าโปร่ง ผ้าคลุมเตียง ผ้าหุ้มเบาะ พรมปูพื้น ผ้าตัดเสื้อผ้า เป็นต้น
นอกจากผ้าม่านแล้ว วอลเปเปอร์ก็นิยมใช้เป็นลายหลุยส์ด้วยเช่นกัน
การตกแต่งสไตล์โมเดิร์น: ในยุคปัจจุบัน การตกแต่งอินทีเรียจะเน้นความสวยงามแบบเรียบง่าย “Simple” จึงจะนิยมใช้ผ้าม่านสีพื้นและผ้าม่านที่มีลวดลายในตัวหรือเป็นเทกเจอร์มากกว่า ผ้าม่านลายหลุยส์จะเหมาะกับการตกแต่งแนว Old Fashion หรือ สไตล์ Classic Victoria ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์การตกแต่งที่จะเน้นใช้ผ้าม่านและผ้าหุ้มเบาะลายหลุยส์เป็นพิเศษ ในตลาดผ้าจะมีผ้าลายหลุยส์ให้เลือกมากมาย เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่มีผู้ซื้อจำนวนมาก ผ้าลายหลุยส์ถือเป็นลายคลาสสิก ใช้ได้ตลอดกาล ไม่มีวันตกยุค
สิ่งของต่างๆที่ใช้ลายหลุยส์ ดีไซน์นี้สามารถใช้กับวัสดุทุกอย่างที่เป็นงานศิลปะ
Photo Credit: บริษัท แฟบริค พลัส และ Pinterest
ร้านขายผ้า ATM Decor บริษัท แฟบริค พลัส มีจำหน่ายผ้าม่านและผ้าหุ้มเบาะลายหลุยส์หลากหลายชนิด ในส่วนของผ้าม่าน จะมีตัวเลือกทั้งแบบผ้าม่านกันแสง UV และแบบผ้าม่านปกติ ผ้าทำผ้าม่านลายหลุยส์จะมีให้เลือกมากมาย มีแบบหน้ากว้างพิเศษ 2.80 เมตร (110 นิ้ว) สำหรับตัดเย็บผ้าม่านแบบไร้รอยต่อ และแบบหน้ากว้าง 60 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้ากว้างมาตรฐานในประเทศไทย ที่ร้านจะมีผ้าม่านโปร่งแสงลายหลุยส์ด้วยเช่นกัน สำหรับผู้ที่ต้องการติดผ้าม่านสองชั้น ผ้าม่านลายหลุยส์จะมีหลายสี หลายดีไซน์ และหลายเนื้อผ้าให้เลือก จำหน่ายในราคาส่ง หน้าร้านขายผ้าอยู่ใจกลางตลาดพาหุรัด แหล่งต้นทุนและตลาดผ้าประเทศไทย
ร้านผ้าม่าน ATM Decor บริษัท แฟบริค พลัส มีจำหน่ายผ้าม่านหลากหลายชนิด ขายราคาส่ง
ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับสินค้าผ้าม่านลายหลุยส์แต่ละชนิดได้ที่ 02 223 4828
12 thoughts on “ผ้าม่านลายหลุยส์ ตกแต่งบ้านในสไตล์ Classic Victoria”
Comments are closed.